ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับปั้มติ๊กน้ำมันกันก่อนค่ะ
“ปั๊มติ๊ก” เป็นส่วนสำคัญของระบบน้ำมันของเชื้อเพลิง ใช้ตัดต่อกระแสไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้แผ่นไดอะแฟรมขยับ ทำงานเชื่อมต่อเข้ากับชุดลิ้น ปิด-เปิด เพื่อให้เกิดแรงดัน และแรงดูดในการ สูบ-จ่าย น้ำมันเชื้อเพลิงค่ะ
ในปัจจุบันที่ผู้ผลิตรถยนต์นั้นต่างหันมาใช้เครื่องยนต์ระบบหัวฉีดกันแล้ว ซึ่งเครื่องยนต์ชนิดนี้มีความต้องการแรงดันที่สูงขึ้น จึงเปลี่ยนมาเป็นระบบปั๊มติ๊กไฟฟ้า ซึ่งมีปั้มติ๊ก 2 แบบคือ เรกกูเรเตอร์ (อยู่ในถังน้ำมัน) และแบบใช้ ECU เป็นตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้ามี 40-50 psi
แล้วปั๊มติ๊กเสีย จะแสดงอาการอย่างไร?
- รถสตาร์ทไม่ติดค่ะ (แบตเตอรี่เต็ม ไดร์สตาร์ทก็หมุน แต่สตาร์ทไม่ติด!!)
- เครื่องยนต์กระตุก, เร่งไม่ขึ้น, เครื่องยนต์ไม่ค่อยมีกำลัง
- เครื่องยนต์อาจสะดุดได้ แต่จะขับรถที่ความเร็วคงที่
- สตาร์ทน้ำมันไม่ติด สตาร์ทแก๊สติด (กรณีรถติดแก๊ส)
อาการปั๊มติ๊กเสีย ส่วนใหญ่เกิดจากอะไร?
อาการปั๊มติ๊กเสีย นั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งตัวอุปกรณ์เอง, อายุการใช้งาน, การดัดแปลง, และพฤติกรรมการใช้รถค่ะ โดยเฉพาะการเติมน้ำมันทีละน้อยๆ ปล่อยให้ไฟสัญญาณเตือนเป็นประจำ จะทำให้ปั้มติ๊กเกิดความร้อนจนละลายได้ค่ะ เพราะปั๊มติ๊กเป็นชิ้นส่วนที่ต้องการน้ำมันมาหล่อเลี้ยงเพื่อป้องกันไม่ให้ปั้มติ๊กร้อนจนเกินไปนั่นเองค่ะ รวมถึงการดูแล เช่น หากรถคุณจอดทิ้งไว้นานๆ ไม่ค่อยได้ขับไปไหน ก็แนะนำให้เติมน้ำมัน “เบนซิน” ที่ไม่มีส่วนผสมของเอทานอลไว้ด้วยจะดีกว่าค่ะ
แล้ววิธีป้องกันไม่ให้ “ปั๊มติ๊ก” เสื่อมเร็วล่ะ ทำไง?
- เติมน้ำมันให้เกือบครึ่งถังอยู่เสมอ
- ไม่ปล่อยให้ไฟระบบแสดงน้ำมันแจ้งเตือนบ่อยๆ
- หมั่นใช้ระบบน้ำมันบ่อยๆ (กรณีรถติดแก๊ส)
- ตัดสัญญาณปั้มติ๊กน้ำมัน (กรณีรถติดแก๊ส) เราแนะนำให้ปรึกษาช่างผู้ชำนาญงาน เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม “ไม่ควรทำด้วยตัวเองนะคะ”
หากเพื่อนๆ คิดว่ากำลังเจออาการดังกล่าว แนะนำว่า..ให้นำรถเข้าไปเช็คที่ศูนย์ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ดีกว่านะคะ เพราะระบบเชื้อเพลิงนั้นมีความสำคัญกับรถของเราเป็นอย่างมาก ซึ่งหากไม่มีชำนาญพอ การแก้ไขด้วยตัวเองอาจจะส่งผลเสียต่อรถของเรา และอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ