อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะมีสติมากแค่ไหนในการขับรถ มีความระมัดระวังมากแค่ไหนก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่เว้นแม้แต่นักขับรถที่เก่งกาจก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ด้วยเช่นกัน อาจจะเพราะปัญหาจากระบบรถยนต์เอง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ทุก ๆ อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นจาก “ความประมาท” เป็นเหตุทั้งสิ้น และเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วสิ่งที่คนจะหันไปพึ่งพาเป็นอันดับแรกก็คงไม่พ้นประกันภัยรถยนต์นั่นเองครับ แต่ถ้าหากถูกตัดสินว่า ประมาทร่วม แบบนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบกันแน่ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากครับ
ประมาทร่วม คืออะไร
หากใครที่เป็นมือใหม่หัดขับยังไม่เคยขับรถมาก่อน อาจจะไม่เคยได้ยินคำว่าประมาทร่วม วันนี้ก็จะมาอธิบายถึงความหมายให้ฟังกันครับ คำว่า ประมาทร่วม ในทางกฎหมายนั้นจะใช้คำว่า “ต่างฝ่ายต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน” ซึ่งหมายถึง ความประมาทที่ไม่มีตัวการร่วม หรือไม่มีการร่วมกันประมาทใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ถูกต้องก็คือต้องดูว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายประมาทมากกว่ากัน อ่านแล้วงงกันไหมครับ “ผมขอยกตัวอย่างครับ กรณีมีอุบัติเหตุรถชนกัน ระหว่างรถยนต์และจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ อาจประมาทในส่วนการขับขี่ของจักรยานยนต์ รถยนต์ก็ประมาทในส่วนของรถยนต์ แยกกันตามข้อเท็จจริง ซึ่งต้องดูว่าก่อนจะเกิดเหตุ ให้พิจารณาการขับขี่ก่อนถึงทางร่วมทางแยก ลักษณะของทางร่วมทางแยกประกอบ ดังนั้นเราจะต้องพิจารณาคำว่าประมาท คืออะไรประมาท คือกระทำผิดโดยมิได้มีเจตนา(แต่กระทำไปโดยปราศจากความระมัดระวัง) ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ ซึ่งผู้กระทำสามารถใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้ (แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่) ดังนั้นเราจะต้องพิจารณาว่าฝ่ายเรามาทางโค้งกินเลนเขาไหม ถ้าหากข้ามเลนไปชนเขา ตรงนี้คือผลของการประมาทฝ่ายเรา แต่ถ้าเขาข้ามเลนมาชนเรา ตรงนี้เราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่เราเป็นผู้ถูกละเมิดครับ” พูดง่าย ๆ เลยก็คือ “ไม่มีคำว่าประมาทร่วมในกฎหมาย” จะมีแค่ใครประมาทมากกว่ากัน และต้องรับผิดชอบมากน้อยตามความประมาทที่ทำให้เกิดความเสียหายนั่นเองครับ ในปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าประมาทร่วม คือต่างฝ่ายต่างผิด ความประมาทเท่า ๆ กัน จ่ายใครจ่ายมันแล้วก็แยกย้ายกันไป จึงทำให้มีคำถามต่างๆ ตามมา ว่า…แล้วกรณีแบบนี้ประกันภัยรถยนต์จะรับผิดชอบยังไง ?
ประมาทร่วมแบบนี้ใครรับผิดชอบ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วครับว่า คำว่าประมาทร่วมในทางกฎหมายนั้นไม่มี แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินให้เป็นประมาทร่วม ก็ต่างฝ่ายต่างซ่อมแซมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเองครับ ดังนั้น ใครทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้ถือว่าโชคดีมาก ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าซ่อมเอง เพราะประกันภัยรถยนต์จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แทนคุณนั่นเอง
ประกันชั้น 1 คุ้มครองไหม ?
เรื่องนี้นั้นง่ายมากครับถ้าหากทั้งคู่มีประกันภัยรถยนต์ ก็สามารถใช้ได้ทุกชั้นทุกประเภทครับ ยิ่งชั้น 1 ยิ่งสบาย ๆ ชิล ๆ ไม่ต้องเครียดอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประกันจัดการเคลมค่าความเสียหายได้เลยครับ แต่ในบางกรณีอาจจะไม่ครอบคลุมค่าซ่อมเต็มจำนวนนะครับ เนื่องจากเป็นการประมาทร่วมผิดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเคลมได้เท่าไหร่ ก็ขึ้นอยุ่กับข้อกำหนดในกรมธรรม์ของคุณเองครับ อีกทั้ง บริษัทประกันภัยรถยนต์จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หรือ ชีวิต ตามเงื่อนไขและวงเงินคุ้มครองที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ครับ
ประกันชั้น 2+ และ 3+ คุ้มครองยังไง
หากถูกตัดสินว่าเป็นการประมาทร่วม ก็เท่ากับว่า เป็นอุบัติเหตุที่เกิดกับพาหนะทางบก หรือที่เรียกกันง่าย ๆ รถชนรถ จึงเข้าเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์อยู่แล้ว แต่คู่กรณีจะต้องอยู่ในที่เกิดเหตุตอนที่เจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยรถยนต์ไปถึงด้วยนะครับ และประกันภัยรถยนต์ก็จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าสินไหมทั้งกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิต ตามจำนวนทุนที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ เช่นเดียวกับประกันชั้น 1
ประกันชั้น 2 และ 3 คุ้มครองยังไง
หากใครที่ทำประกันภัยชั้น 2 และ 3 เอาไว้อาจจะต้องทำใจนิดนึงนะครับ เพราะคุณจะต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเหล่านั้นเอง เนื่องจากเงื่อนไขของประกันชั้น 2 และ 3 จะซ่อมรถของคู่กรณีเท่านั้นไม่ซ่อมรถคันเอาประกันอยู่แล้ว แต่ในกรณีประมาทร่วมนั้น จะไม่เข้าเงื่อนไขรถของคู่กรณีด้วย เรียกง่าย ๆ ว่า ประกันชั้น 2 และ 3 จะไม่ซ่อมรถให้ใครเลย ทั้งสองฝ่ายต้องซ่อมรถของตนเองครับ
ประมาทร่วมไม่มีประกัน ได้รับความคุ้มครองยังไง
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำประกันเอาไว้เลย แต่คุณก็ยังได้รับความคุ้มครองเช่นกันครับ แต่เป็นความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ซึ่งความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. นั้นก็จะคุ้มครองเพียงแค่ค่ารักษาพยาบาลของตัวผู้ขับขี่ และผู้โดยสารเพียงเท่านั้นนะครับ ส่วนค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ตอนนี้ก็คงจะคลายความข้องใจของใครหลาย ๆ คนลงไปได้แล้วใช่ไหมละครับ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะประมาทร่วม แต่ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1, 2+ และ 3+ ที่คุณได้ทำเอาไว้ก็ยังคงรับผิดชอบต่อค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่ได้ทำประกันเอาไว้หรือทำไว้แค่ชั้น 2 หรือ 3 คงต้องน้ำตาไหลเพราะต้องเสียค่าซ่อมเอง เห็นไหมละครับว่าการทำประกันภัยรถยนต์นั้นสามารถช่วยคุณได้มากแค่ไหน เพราะฉะนั้นมาทำประกันภัยรถยนต์ติดเอาไว้เถอะครับ อย่างน้อย ๆ ชั้น 3+ ก็ยังดี
