เวลาเกิดอุบัติเหตุรถเชี่ยวชน คนส่วนใหญ่อาจจะสติหลุด เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกันบ่อยๆ และไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้ไม่รู้ว่าเวลารถโดนชนนั้นต้องปฏิบัติอย่างไร ฉะนั้นเพื่อเป็นการเตือนสติ ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์รถชน Insurefriend ก็มี 7 ทริคดีๆ ที่ต้องทำเมื่อรถโดนชนมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ
1. หยุดรถทันที
เมื่อรู้ตัวว่ารถโดนชน ให้เพื่อนๆ หยุดรถทันที เพราะการที่เราฝืนขับต่อไป จากที่เราโดนชนแล้วเป็นฝ่ายถูก อาจจะกลายเป็นคนผิดโทษฐานชนแล้วหนีเอาได้นะคะ ฉะนั้นให้เพื่อนๆ หยุดรถและโทรเรียกโบรกเกอร์ประกันภัยเพื่อให้มาเคลมประกันให้เราทันทีเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย แต่สำหรับสุภาพสตรีที่ขับรถตัวคนเดียว แล้วเกิดอุบัติตอนกลางคืนในที่เปลี่ยว แล้วสงสัยว่าคู่กรณีอาจจะเป็นมิจฉาชีพรึเปล่า ตรงนี้ไม่ต้องลงจากรถก็ได้ ให้เปิดกระจกแง้มๆ เพื่อคุยกับเขาแทน จากนั้นให้รีบโทรแจ้งประกันหรือโทรแจ้งตำรวจ เพราะอย่างน้อยก็จะได้มีคนคอยช่วยไกล่เกลี่ย และเคลียร์เรื่องราววุ่นวายนั่นเองค่ะ
2. จงมีสติ
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้รถโดนชนอยู่แล้ว เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ ไหนจะบาดเจ็บ ไหนจะต้องเสียเวลา ไหนจะต้องรอโบรกเกอร์ประกันภัยมาช่วยเหลือไกล่เกลี่ย ออกใบเคลม และจะต้องเอารถเข้าอู่ซ่อมเคลมประกันอีก เพราะฉะนั้นจะหัวเสียเมื่อรถโดนชนก็ไม่แปลกค่ะ แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็หาทางรับมือ สงบสติอารมณ์ พูดคุยกับคู่กรณีดีๆ ด้วยเหตุผล แต่ไม่ต้องขอโทษก่อน เพราะอาจจะทำให้คู่กรณีตีความว่าเราเป็นฝ่ายผิดเอาได้ค่ะ ให้ใจเย็นๆ และโทรเรียกประกันมาช่วยไกล่เกลี่ยจะดีที่สุดค่ะ
3. โทรแจ้งประกันภัยให้มาที่เกิดเหตุ
อุบัติเหตุไม่ว่าจะโดนชนเล็ก หรือใหญ่ เมื่อมีอุบัติเหตุแล้วก็ให้โทรเรียกประกันภัยมาทันที ต่อให้คู่กรณีสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้ ยังไงเราก็โทรเรียกประกันดีกว่าค่ะ เพราะสัญญาปากเปล่านั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ค่ะ
4. จำสถานการณ์ให้ได้
หากเพื่อนๆ ที่กล้องติดหน้ารถอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนกล้องติดหน้ารถยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ เวลารถโดนชนทีไรก็ต้องมานั่งเล่าให้ประกันฟังว่าเหตุการณ์เป็นมายังไง เขาขับมายังไง เราขับมายังไง แล้วชนกันได้ไง ซึ่งบางทีเจอคู่กรณีหัวใส โกหกใส่ร้ายเราว่าเราเป็นคนผิดซะอย่างนั้น ก็ยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ แต่หากเรามีกล้องติดหน้ารถเป็นตัวช่วยแล้ว เพื่อนๆ ก็ไม่ต้องมานั่งจำสถานการณ์ให้ปวดหัวกับเหตุการณ์แต่อย่างใด แค่เปิดกล้องดูก็รู้ได้ทันทีว่าใครผิดใครถูกช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้ง่ายขึ้น เพราะแบบนี้แหละรถทุกคันจึงควรจะมีกล้องติดหน้ารถเป็นของตัวเองค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยลดเบี้ยประกันให้ถูกลงอีกด้วยค่ะ
5. ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ บางคนเดินลงคุยกับเราดิบดี ยอมรับผิดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่พอแยกย้ายไปโทรหาประกัน กลับรีบชิ่งหนีเราซะอย่างนั้น ตรงนี้แหละที่เราต้องรอบคอบค่ะ ตรวจดูความปลอดภัยแล้วลงไปถ่ายรูปป้ายทะเบียน และร่องรอยการถูกเชี่ยวชนไว้ก่อน เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดจะได้มีหลักฐานค่ะ
6. ถ้าตกลงกันได้ ก็ไม่ต้องไปโรงพัก
เพื่อนๆ หลายคนอาจคิดว่าเมื่อรถโดนชน ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราไม่ต้องเสียเวลาทำอย่างนั้นแต่อย่างใด เพราะถ้าเคลียร์กันได้ คนผิดยอมรับผิด ประกันตัดสินก็ออกใบเคลมให้กัน แล้วก็แยกย้ายกันไป แต่ถ้าหากตกลงกันไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก ก็ต้องให้ตำรวจเป็นคนช่วยตัดสินค่ะ
7. กรณีเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
กรณีที่เป็นอุบัติเหตุร้ายแรง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเรา หรือฝ่ายคู่กรณี ให้เรียกตำรวจทันทีค่ะ และโทรบอกกับประกันให้ช่วยประสานงานก่อน เพราะชีวิตคือสิ่งสำคัญที่สุด อย่าเพิ่งห่วงความถูกต้อง หรือพยายามหาว่าใครผิดใครถูก และไม่ควรเคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วยเอง เพราะอาจทำให้สถานการณ์ และอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บยิ่งเลวร้ายลงไปอีกค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทริคดีๆ ที่จะช่วยให้จัดการกับสถานการณ์เมื่อรถโดนชนได้และหากเพื่อนๆ ทำประกันภัยรถยนต์ติดไว้ อย่างน้อยๆ ก็ยังมีประกันภัยที่เขาก็จะคอยให้ความช่วยเหลือ จัดการทุกอย่างให้เรา ตั้งแต่คุยกับคู่กรณี ไปจนถึงแนะนำอู่ซ่อมรถให้ ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ คนไหนยังไม่ได้ทำ หรือลังเลอยู่ว่าจะทำประกันกับเจ้าไหนดี ก็ลองเข้าไปเปรียบเทียบประกันรถยนต์ของแต่ละเจ้าได้ที่ Insurefriend
หรือสนใจบริการด้านใดของเรา กรุณาติดต่อได้ที่โทร. 02-759-9400, 094-964-5464 Line : @mgas