หัวเทียน คือ หัวใจเครื่องยนต์
หัวเทียน แน่นอนว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญของเครื่องยนต์ที่ใช้เบนซิน แก๊สโซฮอล์ ซีเอ็นจี หรือ แอลพีจี มีหน้าที่ในการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับทั้งความร้อนที่สูงมาก แรงดัน และเขม่า ดังนั้นนานๆ เข้า หัวเทียนก็สกปรก สึกหรอได้ จึงจำเป็นต้องทำความสะอาด และปรับตั้งระยะเขี้ยวให้พอเหมาะ ซึ่งรถใหม่ๆ ที่ยังเข้าศูนย์บริการตามระยะ ก็ไม่มีปัญหา เพราะศูนย์เขาจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย รวมถึงเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาด้วย
การถอดจะทำอย่างไร ขั้นแรกต้องดับเครื่องยนต์ แล้วเปิดกระโปรงดึงสายหัวเทียนออกก่อน และเพื่อป้องกันการใส่คืนผิดที่ ก็ให้ทำเครื่องหมายเอาไว้ 1…2…3…4 หรือจะ 5 จะ 6 หรือ 8 หรือ 12 ก็แล้วแต่เครื่องยนต์ และก่อนที่จะถอดหัวเทียนออก ให้ทำความสะอาดทั้งตัวหัวเทียน และบริเวณรอบๆ ให้สะอาดที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เศษฝุ่นละอองหรืออย่างอื่น ตกลงไปในกระบอกสูบ เมื่อถอดได้แล้วก็ให้ใช้กระดาษทรายทำความสะอาดขั้วหัวเทียน และตรวจสอบระยะห่างตามคู่มือ พร้อมกับดูความผิดปกติอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น เปียกชื้น จากน้ำมันหล่อลื่น หรือว่าคราบเขม่า มันมากเกินผิดปกติ เพื่อที่จะได้แจ้งช่างได้ถูกเมื่อนำรถเข้าศูนย์หรืออู่ เพราะอาการทั้ง 2 อย่างที่ว่า มันบ่งบอกว่าเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำมันเบนซิน ก่อนที่จะใส่มันกลับคืนไปที่เดิม
คนที่มีปัญหารถสตาร์ทไม่ติดหรือติดสะดุดๆ เครื่องเดินไม่เต็มสูบ และคิดว่าน่าจะมีผลมาจากหัวเทียน ก็ให้ทดสอบง่ายๆ ด้วยการถอดหัวเทียนออกมา โดยเสียบสายหัวเทียนเอาไว้ จากนั้นหาคีม (แบบที่มือจับมีฉนวน) คีบไว้ แล้วนำไปจ่อกับชิ้นส่วนโลหะ เช่นตัวถัง ระมัดระวังอย่าไปจ่อใกล้ๆ กับที่มันมีน้ำมันเบนซิน หรือแบตเตอรี่ จากนั้นสตาร์ทรถ ดูว่ามีประกายไฟหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ทดสอบซ้ำ โดยเปลี่ยนสายหัวเทียน ถ้าอาการยังเหมือนเดิม ก็แน่นอนว่า หัวเทียนนั้นเสีย จัดการเปลี่ยนใหม่เสีย
ใครที่ได้ยินได้ฟังมาว่า หัวเทียนอย่างนั้นดี สายหัวเทียนอย่างนี้แรง และอยากจะไปซื้อมาใช้บ้าง แนะนำว่าให้อยู่เฉยๆ ดีกว่า จะได้ไม่เสียเงิน เพราะถ้ารถเราเป็นรถปกติ ไม่มีการโมดิฟายด์อะไร ต่อให้หัวเทียน หรือสายหัวเทียน ดีขนาดไหน ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก อีกทั้งการเปลี่ยนอุปกรณ์แค่ตัว 2 ตัว จะให้รถแรงขึ้นมากมาย นั้นคงไม่ใช่ มันต้องว่ากันทั้งระบบ